วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2551

วิเคราะห์สุขภาพผิวหน้า


ใบหน้านับได้ว่าเป็นปราการด่านแรกที่ดึงดูดความสนใจของผู้พบเห็น โดยเฉพาะผู้ที่มีแก้ม อมชมพู ขาว ใส บ่งบอกถึงสุขภาพภายในดี ซึ่งตรงกันข้ามกับคนที่มีสีหน้าซีดเซียวดำคล้ำ หรือมีสิว ฝ้า ที่นอกจากไม่ชวนมองแล้วยังสะท้อนถึงสุขภาพของบุคคลนั้นๆ ด้วย

สุปราณี จันทไพบูลย์ขจร ผู้จัดการฝ่ายอบรม บ. เดอร์มอล คอนแซปท์ จำกัด เล่าให้ฟังว่า การวิเคราะห์สภาพผิวหน้านั้น สามารถใช้ศาสตร์ได้ทั้งศาสตร์ตะวันตกและตะวันออกเป็นเครื่องมือในการอธิบาย ซึ่งแต่ละศาสตร์ต่างก็มีมุมมองในการวิเคราะห์แตกต่างกัน กล่าวคือศาสตร์ตะวันตกจะวิเคราะห์สิ่งที่สัมผัสรู้ เห็นได้ด้วยตา อย่างคนที่มีสิว ฝ้าขึ้น จะตั้งคำถามเพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุ เช่น กินยาคุมหรือเปล่า แพ้ครีมที่ใช้อยู่ ล้างเครื่องสำอางออกไม่หมด ส่วนวัยรุ่นจะบอกว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนฯลฯ

ขณะที่ศาสตร์ตะวันออกนั้น สังเกตจากสัมผัส ดูลักษณะของผิว หรือความร้อน ความเย็นของผิว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้บ่งบอกเฉพาะ สิว ฝ้า ยังสะท้อนโรคภัยที่กำลังจะมาเยือนด้วย

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจและเปรียบเทียบ สุปราณีได้กำหนดแผนในการวิเคราะห์ออกเป็น 14 โซนด้วยกัน(ดูรูปภาพประกอบ) เริ่มต้นจาก โซนที่ 1 กับ 3 หากสภาพผิวบริเวณนี้มีสิวอุดตันและสิวเห่อขึ้นมาเมื่อเทียบกับส่วนอื่นบนใบหน้า ถ้าวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาผิวพรรณตามศาสตร์ตะวันตก เกิดจากล้างเครื่องสำอางไม่หมดโดยเฉพาะผู้ที่แต่งหน้าจัด หรือแพ้สารบางตัวในแชมพูสระผม เพราะฉะนั้นควรล้างเครื่องสำอางให้หมดจด หรือหากพบว่าแพ้ยาสระผม ให้เปลี่ยนไปใช้ยาสระผมยี่ห้ออื่นแทน เพียงเท่านี้ปัญหาสิวอุดตัน สิวเห่อ จะลดลง

ด้านศาสตร์จีนระบุว่า อาจเกิดจากปัญหาระบบการย่อยอาหาร กระเพาะปัสสาวะ ดังนั้น ผู้ที่มีปัญหาสิวอุดตัน สิวเห่อ ต้องรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แล้วดื่มน้ำเพิ่มขึ้น

ส่วนโซนที่ 2 อยู่บริเวณระหว่างคิ้ว ส่วนมากไม่ว่าหญิงหรือชายมักจะเกิดปัญหาการอุดตันของไขมัน มีอาการผืนแดง เป็นขุย วิเคราะห์ตามหลักตะวันตก เกิดจากร่างกายผลิตน้ำมันในผิวมากเกินไป หรือเกิดเพราะกระบวนการกำจัดขนไม่สะอาดจึงเกิดปัญหาโรคผิวหนัง แต่ตามศาสตร์ตะวันออกบอกว่า เป็นเพราะการทำงานของตับเริ่มมีปัญหา ซึ่งเกี่ยวกับอาหาร กินหวานจัด เค็มจัด อาหารมันๆ และเครื่องดื่ม โซนที่ 4 กับ 10 ให้ใช้มือสัมผัสบริเวณหลังใบหู มักพบว่าเกิดสิวอุดตัน และระหว่างที่จับหูให้สังเกตความร้อนของใบหูควบคู่ไปด้วย ถ้าใบหูร้อนกว่าปกติ ทางตำราจีน สันนิษฐานว่า ขณะนี้ไตต้องทำงานหนัก อาจมีผลให้เกิดไตเสื่อม เพราะฉะนั้นควร ลด ละ หรือเลิก เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ กาแฟ และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาเฟอีน เป็นต้น ถ้าวิเคราะห์ตามศาสตร์ตะวันตกก็จะบอกว่า เกิดจากแชมพูสระผม แนะให้เปลี่ยนยาสระผม หรือเลือกยาสระผมสำหรับเด็กมาใช้แทน มาถึง โซนที่ 5 กับ 9 หรือบริเวณโหนกแก้ม ผิวบริเวณนี้มักเกิดปัญหาเรื่องสิวข้าวสาร ฝ้า สีผิวไม่เสมอกัน และบางรายผิวบางมากจนเห็นเส้นเลือดฝอย ทั้งนี้ คนส่วนใหญ่จะมีปัญหาบริเวณนี้เยอะมาก สาเหตุเกิดจากผิวได้รับแสงแดดมากเกินไป ประกอบกับไทยเป็นเมืองร้อน โดยเฉพาะผู้ที่แพ้แดดควรใช้ครีมกันแดด ในขณะที่ศาสตร์ตะวันออก ระบุว่า คนที่เป็นสิวข้าวสาร มีฝ้าขึ้นบริเวณโหนกแก้ม คนนั้นกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพปอด เหงือกและฟัน นอกจากนี้ จะเห็นชัดเจนสำหรับผู้ที่มีพฤติกรรมสูบบุหรี่จัด เพื่อป้องกันไม่ให้สิวขึ้น ควรลดหรือเลิกสูบบุหรี่ ส่วน โซนที่ 6 กับ 8 อยู่บริเวณรอบดวงตา มีลักษณะผิวคล้ำ อันที่จริงผิวคล้ำใต้ตานั้น เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ บางคนอดนอน ร่างกายขาดน้ำ หรือกรรมพันธุ์ เพราะฉะนั้นก่อนวิเคราะห์ตามศาสตร์ตะวันตกหรือตะวันออก ควรสำรวจพฤติกรรมบางอย่างร่วมด้วย เช่น นอนดึกรึเปล่า ดื่มน้ำวันละกี่แก้ว สมมติว่า นอนดึกหรือนอนวันหนึ่งเพียง 4- 5 ชั่วโมง ในเบื้องต้นให้ปรับพฤติกรรมการนอนใหม่ โดยนอนให้ได้วันละ 7-8 ชั่วโมง อาจจะนอนเร็วขึ้น เพื่อให้ดวงตาได้มีโอกาสพักผ่อน ตรงนี้จะช่วยให้ลดปัญหาถุงใต้ตาคล้ำได้ ส่วนรายที่ปฏิบัติตามไม่ได้และจำเป็นต้องนอนดึก ให้ซื้อผลิตภัณฑ์มาเพื่อลดรอยหมองคล้ำ สำหรับศาสตร์ตะวันออก กลับระบุว่าผิวบริเวณรอบดวงตาหมองคล้ำ เกิดจากการทำงานของไต โรคภูมิแพ้ รวมถึงระบบขับถ่าย เพราะฉะนั้นใครที่มีปัญหาผิวคล้ำบริเวณรอบดวงตา ให้ดูแลเรื่องระบบขับถ่ายของเสียแล้วดื่มน้ำเยอะ ๆ และหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต

โซนที่ 7 บริเวณจมูกและเหนือริมฝีปาก จุดนี้จะมีปัญหาเรื่องสิวเสี้ยนมากที่สุด เพราะเป็นบริเวณที่ผลิตน้ำมันมากกว่าบริเวณอื่น นอกจากนั้น หากสังเกตพบว่าสีผิวไม่เรียบเสมอกันหรือมีฝ้าขึ้น เป็นสัญญาณบ่งชี้เรื่องสุขภาพโดยเฉพาะฮอร์โมน อย่างเช่นผู้ที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือน วัยทอง กินยาคุม และอยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ ส่วนศาสตร์จีน ระบุว่ากำลังมีปัญหาโรคหัวใจและอวัยวะสืบพันธุ์ โซนที่ 11 กับ 13 บริเวณส่วนคางด้านซ้ายและขวา ส่วนใหญ่มักจะเกิดปัญหาสิวหัวช้าง ทั้งนี้ ตามหลักทางการแพทย์ชี้ต้นเหตุเกิดจากการทำความสะอาดเครื่องสำอางไม่หมด หรือเกี่ยวข้องกับการสัมผัสบ่อย หมายถึงมือ ซึ่งไม่รู้ว่าก่อนที่จะมาจับหน้าจับสิ่งของใดมาบ้าง ส่งผลให้เกิดสิว ที่สำคัญคือ ยังพบด้วยว่าโทรศัพท์และโทรศัพท์มือถือเป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหาข้างต้นด้วย เนื่องจากต้องแนบโทรศัพท์อยู่ระหว่างหูกับปาก ขณะที่ศาสตร์ตะวันออก ระบุว่า แนวโน้มมีปัญหาเรื่องรังไข่ โซนที่ 12 คางส่วนกลาง มักจะเกิดอาการอุดตันของสิว ซึ่งเป็นสัญญาณของโรคกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก ที่มีผลพวงมาจากการรับประทานอาหารรสเผ็ดจัด หรือบางรายแพ้อาหารบางประเภท ส่งผลให้เกิดปัญหาเรื่องระบบการย่อยอาหาร เพราะฉะนั้นควรเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจัดแล้วมารับประทานอาหารจืดๆ แทน จะช่วยลดการทำงานของกระเพาะอาหารด้วย และสุดท้าย โซนที่ 14 บริเวณลำคอและหน้าอก มักจะมีปัญหาเรื่องสีผิวไม่เรียบ ริ้วรอย มีความไวต่อการระคายเคือง ทั้งนี้เกิดจากการใช้น้ำหอมแล้วมีอาการแพ้ หรือบางรายเกิดเพราะฮอร์โมนอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงเข้าสู่วัยทอง จะเกิดอาการร้อนวูบวาบ ขณะที่ศาสตร์จีนระบุว่า เกิดจากอาการเครียด โดยสังเกตจากการปะทุของสิว ดังนั้น ควรหาเวลาพักผ่อน อย่าเคร่งเครียดกับงานที่ทำหรือสิ่งที่ทำให้ตัวเองรู้สึกมีอาการเครียด

ไม่มีความคิดเห็น: